[Fic Osomatsu-san]7/7[JyushiIchi/IchiJyshi]
เรื่องราวในวันทานาบาตะ และความรู้สึกที่ปกปิดเอาไว้
ผู้เข้าชมรวม
671
ผู้เข้าชมเดือนนี้
5
ผู้เข้าชมรวม
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
วันนี้เป็นเพียงหนึ่งวันแสนจะธรรมดาในบ้านมัตสึโนะ
ที่เหล่านีทหกแฝดต่างนอนเอกเขนกอยู่ที่บ้านและทำกิจวัตรประจำวันของแต่ล่ะคน
มันก็ควรจะเป็นแบบนั้น…
ทว่าอยู่ๆจูชิมัตสึกลับลุกขึ้นแล้วเอ่ยออกมาด้วยเสียงอันสดใส
“นี่ๆ คืนนี้น่ะ!!ทุกคนไปดูดาวด้วยกันเถอะนะ!!”
เพียงคำชวนเล็กๆคำนั้นเอง ที่ทำให้..ค่ำคืนในวันนี้ เป็นความทรงจำอันยากจะลืมเลือน
“เปล่าจังเลยนะฮะ~ที่อยู่ๆจูชิมัตสึนี่ซังมาชวนไปดูดาวเนี่ย”
โทโดมัตสึละสายตาจากโทรศัพท์ของตนแล้วพูดออกมาขณะที่กำลังเดินบนทางเท้า
โดยที่พี่ๆอีก4คนก็แอบพยักหน้าเบาๆ
จูชิมัตสึคลี่รอยยิ้มสดใสแล้วเอ่ยตอบกลับออกมาอย่างร่าเริง
“งั้นเหรอ!?ไม่มีอะไรหรอก!วันนี้ก็แค่อยากจะดูดาวกับทุกคนแค่นั้นเองน่ะ!”
“งั้นเหรอฮะ”
คำตอบที่ได้รับมาทำให้โทโดมัตสึพยักหน้ารับเบาๆก่อนจะหันไปสนใจโทรศัพท์มือถือของตนเองต่อ
“แต่ว่า..บอกว่าจะมาดูดาวกัน
แต่เล่นออกมาตอนนี้มันไม่เช้าไปหน่อยเรอะ?”
โจโรมัตสึเงยหน้ามองท้องฟ้าสีครามสดใส
ที่บัดนี้ยังคงสว่างเจ้า
แถมแสงดวงอาทิตย์ยังส่องลงมาที่กลางกบาลของพวกเขาพอดิบพอดี
ไหนจะเวลาที่เดินทางออกจากบ้านนาฬิกาที่ชี้ตรงไปที่12นาฬิกาหรือก็คือเป็นเวลาเที่ยงตรงอีกต่างหาก
“น่าๆมายบราเธอร์ ยังไงซะพวกเรา6คนก็ไม่ได้ออกมาเที่ยวกันแบบนี้นานแล้วไม่ใช่เหรอ?”
“อ่า..มันก็จริง
แต่นีทอย่างพวกเราจะไปเที่ยวไหน เงินก็ไม่มีแถมกว่าจะค่ำก็อีกหลายชั่วโมงนะ”
“นี่ซังอยากไปเล่นปาจิงโกะมากกว่านา…อ๊ะ!?ตรงนั้นเหมือนจะมีจัดงานอะไรกันอยู่น่ะ?ลองไปดูกันไหม?”
ทุกคนหันมองไปตามนิ้วของโอโซมัตสึที่ชี้ไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง
และก็เป็นไปตามที่โอโซมัตสึว่า บรรยากาศของที่แห่งนั้นแลดูครื้นเครง
ผู้คนจำนวนมากเดินกันขวักไขว่ไปมาเสียจนผิดวิสัยของวันธรรมดาเช่นนี้
“จะว่าไปวันนี้เป็นวันทานาบาตะนี่นา…”
ดวงตาของโทโดมัตสึมองไปยังเลขวันที่7เดือน7ในโทรศัพท์มือถือแล้วยกมันขึ้นมาให้พวกพี่ๆดู
“หึ..วันทานาบาตะเหรอ?เป็นวันที่ดาวDeneb
และ Vega จะได้มาพบกันนี่นา ช่างเป็น Star
Festival ที่สุดแสนน่าประทับใจจริงๆ”
บุคคลที่พูดคำพูดแสนอิไตชวนซี่โครงหักนั้นไม่ใช่ใครอื่นนอกจากคารามัตสึ
“อิไต๊!!ผมขอไปเดินคนเดียวดีกว่า
ขืนมีพวกพี่ๆไปด้วยได้โดนมองเป็นพวกบ้าไปด้วยแหง่ๆ
เดี๋ยวพอเริ่มค่ำแล้วค่อยมารวมกันอีกรอบตรงนี้ก็ได้”
ทันทีที่พูดจบโทโดมัตสึก็รีบจ้ำอ้าวสาวเท้าก้าวฉับๆหนีออกจากพี่ชายของตนทันที
“อะ..อ้าว!?เดี๋ยวสิทตตี้!ไปคนเดียวแบบนั้นเดี๋ยวหลงหรอก”
ไม่รอช้าคารามัตสึรีบวิ่งตามร่างของโทโดมัตสึที่กำลังเดินเข้าพุ่งชนไปทันที
โอโซมัตสึมองร่างของน้องชายทั้งสองของตนที่ถูกกลืนหายเข้าไปในคลื่นฝูงชน
และหันหลังกลับมามองร่างของน้องคนที่ 4 ที่วันนี้แลดูเงียบผิดปกติ
ก่อนจะถอนหายใจและแสยะยิ้มอออกมาอย่างรู้ทันจากนั้นจึงเดินไปจับมือของโจโรมัตสึเบาๆ
“คู่นั้นเขาก็ไปกันแล้ว งั้นเราก็มาเดทกันบ้างเถอะน้า~โจโรมัตสึ”
“หา!?แล้วทำไมฉันต้องเดทกับนายด้วยเล่า!?”
“น่าๆไม่เห็นไปไรเลยนี่ ไปเดินงานด้วยกันเถอะ”
แน่นอนว่านั้นไม่ใช่การขอร้อง
เพราะเมื่อสิ้นประโยคโอโซมัตสึก็ลากแขนของโจโรมัตสึเดินเข้าไปในคลื่นฝูงชนโดยที่ไม่ถามความสมัครใจของอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อยนิด
“เดี๋ยวก่อนสิเฮ้ย!!”
ทั้งอิจิมัตสึและจูชิมัตสึกระพริบตามองเหล่าพี่ๆน้องๆของตัวเองที่เดินหายไปปริบๆก่อนจะหันหน้ามามองกันเอง
“นี่ซั----”
“ไหนๆก็เหลือกันแค่พวกเราแล้ว…ไปเดินงานเทศกาลด้วยกันไหม?”
ไม่ทันที่จูชิมัตสึจะได้พูดจนจบประโยคดีอิจิมัตสึก็พูดแทรกออกมาซะก่อน
จูชิมัตสึรีบยิ้มรับแล้วจับมือทั้งสองข้างของอิจิมัตสึแกว่งขึ้นลงอย่างดีอกดีใจ
“อื้อ!!ไปสิไป!!”
อิจิมัตสึแอบยิ้มบางๆอย่างโล่งอก
และจูชิมัตสึก็รีบลากอิจิมัตสึเดินเข้าไปในงานทันที
เอาไงต่อดีล่ะ…
ตอนนี้อิจิมัตสึและจูชิมัตสึต่างก็เดินเข้ามาในย่านการค้าแล้ว
รอบข้างเต็มไปด้วยผู้คนและร้านแผงลอยขายของมากมาย
แต่ทั้งสองก็ยังไม่ได้แวะซื้อของอะไรที่ร้านแผงลอยไหนเลยสักร้าน
แถมตั้งแต่เดินเข้ามาต่างฝ่ายก็ต่างเงียบไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลยสักคำ
ส่งผลให้บรรยายากาศรอบตัวตอนนี้อึมครึมเสียจนน่าอึดอัดและกระอัดกระอวน
“นี่…อิจิมัตสึนี่ซัง”
จูชิมัตสึเป็นฝ่ายทำลายความเงียบด้วยการเอ่ยออกมาก่อน
อิจิมัตสึหันไปมองคนที่เดินอยู่ข้างๆตนแล้วเอ่ยตอบ
“อะไรเหรอ?”
“ไปที่นั่นกันไหม?”
อิจิมัตสึมองไปตามนิ้วของจูชิมัตสึ
“ท้องฟ้า..จำลอง?”
“อื้อ!!ตอนนี้ยังไม่มืดเลยยังไม่มีดาวให้ดูนี่นา
ไปดูที่นั่นก่อนก็ได้ วันนี้เข้าชมฟรีด้วยนะ!”
“…ก็ได้…”
เมื่ออิจิมัตสึและจูชิมัตสึเดินเข้ามาในท้องฟ้าจำลอง
โปรแกรมของท้องฟ้าจำลองก็เริ่มฉายขึ้นบนเพดานครึ่งวงกลม
แสงระยิบระยับจากดวงดาวเป็นภาพที่ชวนพิศวง
จูชิมัตสึแหงนหน้ามองท้องฟ้าจำลองด้วยแววตาระยิบระยับไม่แพ้ดวงดาวที่ถูกฉายอยู่บนเพดาน
อิจิมัตสึแอบเหลือบมองอีกฝ่ายก่อนจะแอบยิ้มแล้วเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้าจำลองเช่นกัน
“สวยจังเลยนะนี่ซัง!!”
“อืม..นั่นสินะ”
เสียงของโปรแกรมท้องฟ้าจำลองดังขึ้น
เป็นการบอกเล่าประวัติของวันทานาบาตะ
อิจิมัตสึนั้นแทบไม่ได้สนใจในสิ่งที่โปรแกรมอธิบายให้ฟังเลยแม้แต่น้อยนิด
หากแต่กลับเหลือบมองหน้าของจูชิมัตสึเป็นระยะๆ
ยิ่งมองเสียงหัวใจก็ยิ่งเต้นโครมครามอย่างหยุดไม่ได้
มือที่สั่นระรัวพยายามจะเอื้อมไปแตะมือของจูชิมัตสึ
“อิจิมัตสึนี่ซัง..”
อิจิมัตสึสะดุ้งตัวและแทบชักมือกลับไม่ทันเมื่ออยู่ๆอีกฝ่ายเอ่ยเรียกชื่อของตนออกมา
“อะไรเหรอ?”
ถึงแม้ว่าในสมองของอิจิมัตสึจะมีความคิดมากมายตีกันมั่วไปหมดเพราะความตกใจ
แต่ก็พยายามปรับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
“ฮิโกโบชิกับโอริฮิเมะเนี่ย..ถ้าเป็นวันฝนตกแล้วจะไม่ได้เจอกันสินะ?”
อิจิมัตสึแอบแปลกใจที่อยู่ๆอีกฝ่ายพูดอะไรแปลกๆออกมาจึงแหงนหน้าขึ้นไปมองท้องฟ้าจำลองต่อแล้วถึงเข้าใจ
ตอนนี้โปรแกรมของท้องฟ้ากำลังอธิบายถึงช่วงที่ว่า ‘หากเป็นวันที่ฝนตกแล้วล่ะก็
แม่น้ำในอามะโนะคาวะจะขึ้นสูงจนฮิโกโบชิกับโอริฮิเมะไม่สามารถจะมาพบกันได้’
“อืม..ก็ตามนั้นนั่นแหละ”
“อุตส่าห์มีโอกาสได้เจอกันแค่หนึ่งครั้งในรอบหนึ่งปีแท้ๆ
แบบนั้นมัน..ดูเหงาจัง”
“…..”
ตอนนี้อิจิมัตสึไม่รู้จะสรรหาคำอะไรมาตอบจูชิมัตสึได้จึงเลือกที่จะเงียบแล้วมองท้องฟ้าจำลองต่อไป
“อิจิมัตสึนี่ซัง”
“อะไรอีก?”
“ไหนๆวันนี้ก็วันทานาบาตะแล้ว ถ้าได้เขียนคำอธิษฐานที่จะเขียนในกระดาษขอพรวันทานาบาตะน่ะ
อิจิมัตสึนี่ซังจะเขียนว่าอะไรเหรอ?”
จะเขียนว่าอะไร..งั้นเหรอ?
“ไม่รู้สิ ยังไม่ได้คิดไว้น่ะ แล้ว…นายล่ะ?จูชิมัตสึ”
“ฮะๆเก็บไว้เป็นความลับนะผมน่ะ…จะขอให้สมหวังในความรักล่ะ!!”
ดวงตาของอิจิมัตสึเบิกกว้างเมื่อได้ยินคำตอบของอีกฝ่าย
ภายในหน้าอกถูกบีบรัดเสียจนเริ่มรู้สึกว่าหายใจลำบาก แถมเมื่อเห็นรอยยิ้มที่มีความสุขของอีกฝ่ายแล้ว..
ยิ่งรู้สึกจุกราวกับมีก้อนอะไรบางอย่างอยู่ในลำคอ
“งั้นเหรอ…ขอให้สมหวังนะ…”
อ่า…ชักอยากร้องไห้แล้วสิ…ทั้งๆที่จะร้องออกมาตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาดแท้ๆนะ
แสงไฟในท้องฟ้าจำลองถูกเปิดขึ้นเป็นสัญญาณว่าการแสดงท้องฟ้าจำลองได้จบลงแล้ว
อิจิมัตสึรีบลุกขึ้นมาแล้วเดินนำจูชิมัตสึไป
“จบแล้วล่ะ ไปที่อื่นเถอะ”
“อ๊ะ?อื้อ!รอด้วยสินี่ซัง!”
หลังจากออกจากบ้าน เดินดูนู้นดูนี่ และเข้าไปในท้องฟ้าจำลองตอนนี้ก็เวลาบ่าย
4 โมงแล้ว อีกไม่นานท้องฟ้าก็คงจะมืดพอที่จะดูดาวของจริงได้แล้ว
จูชิมัตสึมองแผ่นหลังของอิจิมัตสึที่เอาแต่เงียบอย่างเป็นห่วงก่อนจะหันไปเจอต้นไผ่ที่วางประดับและกระดาษแทบยาวที่เอาไว้สำหรับเขียนข้อพรที่วางเอาไว้อยู่
“นี่ๆนี่ซัง ตรงนั้นมีกระดาษขอพรอยู่ด้วยล่ะ
ไปเขียนกันเถอะ!”
“อืม…เอาสิ..”
อิจิมัตสึเดินนำมาจนถึงต้นไผ่แล้วก็ไปสะดุดตากับอะไรบางอย่าง..นั่นคือใบกระดาษขอพรสีชมพูเรียบๆและสีน้ำเงิน
ที่ประดับกากเพชรวิบวับแทงลูกตา..ไม่ต้องบอกก็คงรู้…กระดาษขอพรอันนี้ไม่ใช่ของใครอื่นนอกจากคารามัตสึแน่แท้
อิจิมัตสึเดาะลิ้นอย่างหงุดหงิดในใจแทบอยากหยิบกระดาษขอพรใบหน้ามาฉีกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยแล้วปล่อยให้เศษซากกระดาษนั้นปลิวไปตามสายลมซะด้วยซ้ำไป
เมื่อมองสูงขึ้นไปอีกระดับก็มีกระดาษเขียนคำอธิษฐานสีแดงกับสีเขียวแขวนอยู่คู่กัน ‘ขอให้เล่นปาจิงโกะชนะ
ขอให้มีเงินเยอะๆ’ ‘ขอให้หางานได้เร็วๆ’ สองอันนี้ก็คงไม่ต้องเดาว่าใครเขียน
ลักษณะนี้คงเป็นโอซมัตสึกับโจโรมัตสึแน่ๆ
“อิจิมัตสึนี่ซางงง~~
เอากระดาษขอพรมาแล้วล่ะ”
น้ำเสียงร่าเริงดังขึ้น
จูชิมัตสึโบกแทบกระดาษขอพรสีม่วงกับสีเหลืองไปมาบนอากาศก่อนจะยื่นแผ่นกระดาษสีม่วงให้อิจิมัตสึ
“อ่า…ขอบใจ”
แต่อิจิมัตสึไม่ได้หยิบกระดาษสีม่วงที่อีกฝ่ายยื่นให้
แต่ยื่นมือไปคว้ากระดาษสีเหลืองที่อยู่ในมืออีกข้างหนึ่งของจูชิมัตสึ
จูชิมัตสึหันมองอิจิมัตสึนี่เขียนคำอธิษฐานเงียบๆ
“งั้นผมจะเอาไปแขวนให้นะ”
“อืม....”
อิจิมัตสึผูกกระดาษที่เขียนคำอธิษฐานของตัวเองไว้ที่ต้นไผ่แล้วหันไปมองจูชิมัตสึก่อนจะสลับไปยืนมองบรรยากาศรอบๆตนอย่างเหม่อลอย
ท้องฟ้าเวลานี้เริ่มแปรเปลี่ยนเป็นสีส้มเหลืองเพราะดวงอาทิตย์จวนจะลับขอบฟ้าไป
“เฮ้ยๆ!มีคนกำลังปืนเสาไฟฟ้าอยู่ตรงแถวต้นไผ่ด้วยว่ะ!”
คำพูดของใครบางคนในฝูงชนและเสียงอึกทึกครึกโครมดังขึ้นทำเอาอิจิมัตสึรู้สึกสังหรณ์ไม่ดีจึงหันหน้าไปทางต้นไผ่ที่จูชิมัตสึจะเอาแถบกระดาษขอพรไปแขวน
แล้วก็พบร่างของจูชิมัตสึกำลังพยายามปืนเสาไฟฟ้าเพื่อแขวนคำอธิษฐานอยู่..
“จูชิมัตสึ!!ไปทำอะไรบนนั้นน่ะ!!”
“อีก…นิด…เดียว”
จูชิมัตสึพยายามใช้เชือกของแถบกระดาษผูกคำอธิษฐานที่ยอดบนสุดของต้นไผ่
และเมื่อแขวนสำเร็จก็คลี่ยิ้มออกมาอย่างดีใจ
“สำเร็จแล้ว!!”
เสียงตะโกนดังลั่นอย่างไม่อายฟ้าอายดินของจูชิมัตสึดังก้องไปทั่วบริเวณ
แต่ทว่าดูเหมือนจะเพราะการขยับตัวเปลี่ยนท่ากะทันหันทำให้ร่างของจูชิมัตสึเสียการทรงตัวแล้วร่วงลงสู่พื้นเบื้องล่าง
“เหวอ!!”
โครม!!
เสียงดังโครมใหญ่ส่งผลให้ผู้คนรอบข้างหันควับมาให้ความสนใจทันที
อิจิมัตสึรีบวิ่งมาดูน้องชายของตนที่เพิ่งร่วงลงมาจากเสาไฟฟ้าด้วยความเป็นห่วง
หากแต่จูชิมัตสึกลับลุกขึ้นมานั่งแล้วยิ้มแย้มราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“ฮะๆพลาดไปหน่อยแฮะเรา”
“พลาดไปหน่อยอะไรของนาย!?ขึ้นไปทำอะไรบนนั้นน่ะ!?”
“ก็…ในท้องฟ้าจำลองนั้นบอกไว้นี่นา..ว่าถ้ายิ่งแขวนคำอธิษฐานไว้ใกล้ท้องฟ้ามากเท่าไร
คำอธิษฐานจะมีสิทธิเป็นจริงมากขึ้นน่ะ!”
“ตกใจแทบตายเลยนะ..เมื่อกี้น่ะ”
เมื่อจูชิมัตสึเห็นอีกฝ่ายก้มหน้าลงก็รู้ตัวว่าตนเป็นฝ่ายผิดจึงเอามือของตนลูบหัวของอิจิมัตสึเบาๆ
“ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะอิจิมัตสึนี่ซัง”
“อ้าวๆเสียงอึกทึกเมื่อกี้เป็นฝีมือจูชิมัตสึจริงๆด้วยแฮะ”
น้ำเสียงอันคุ้นหูดังขึ้น
และต้นเสียงนั้นก็ไม่ใช่ใครอื่นนอกจากพี่คนโตของหกแฝดนั่นเอง
“ไม่ได้นะมายบราเธอร์~ไอ้ที่ทำเมื่อตะกี้น่ะมันเป็นอะไรที่dangarแบบสุดๆเลยล่ะ”
“นี่พวกนาย..เดินงานกันปกติแบบคนธรรมดาเขาทำกันไม่ได้เหรอห้ะ?”
“อันตรายสุดๆเลยนะครับจูชิมัตสึนี่ซัง นั่นน่ะ…”
เหล่าหกแฝดที่กลับมารวมตัวได้อีกครั้งโดยไม่ได้นัดหมายต่างมองหน้ากันไปมา
โอโซมัตสึหัวเราะออกมาเบาๆก่อนจะพูดอะไรบางอย่างออกมา
“กลับมาเจอกันครบองค์ประชุมแบบนี้แล้ว..จะไปกันเลยไหมล่ะ?ดูดาวน่ะ..?”
ใช้เวลาไม่มากไม่น้อยเกินไปนักสำหรับการเดินมาจุดชมวิวที่น่าจะเห็นดวงดาวได้ชัดที่สุด
ท้องฟ้าสีส้มเหลืองเมื่อไม่กี่นาทีที่แล้วนั้นเริ่มเปลี่ยนเป็นสีม่วงเทา
“ทำไม…ฟ้ามันดูครึ้มๆแบบนี้ล่ะ?”
โจโรมัตสึย่นคิ้วขณะจ้องมองท้องฟ้าที่เมฆาสีหม่นเริ่มตั้งเค้ามาแต่ไกล
“จริงด้วยนะครับ…จะกลับกันเลยดีไหม?”
“ไม่ด้าย!อุตส่าห์มาทั้งทีก็ต้องอยู่ให้ถึงที่สุดนะ!!เชื่อคำนี่ซังสิ!!”
อิจิมัตสึแหงนหน้าขึ้นจ้องมองเค้าเมฆสีเทาทมิฬที่ตั้งเค้ามาเป็นสัญญาว่าอีกไม่กี่นาทีเม็ดฝนต้องโปรยปรายลงมาแน่แท้
แล้วอยู่ๆก็นึกถึงคำของจูชิมัตสึที่พูดในท้องฟ้าจำลองขึ้นมาได้..
“ฮิโกโบชิกับโอริฮิเมะเนี่ย..ถ้าเป็นวันฝนตกแล้วจะไม่ได้เจอกันสินะ?”
“อุตส่าห์มีโอกาสได้เจอกันแค่หนึ่งครั้งในรอบหนึ่งปีแท้ๆ
แบบนั้นมัน..ดูเหงาจัง”
จริงสินะ..ถ้าฝนตกลงมาทั้งสองคนก็จะไม่ได้เจอกัน..งั้นแบบนี้คำขอของฉันท่าจะไม่เป็นจริงซะแล้วสิ
ซ่า.. ซ่า…
ไม่ทันขาดคำสายฝนเย็นเฉียบก็โรยตัวลงมาจากท้องฟ้าประหนึ่งฟ้ารั่ว
หกแฝดต่างเริ่มวิ่งหลบฝนกันไปคนละทิศคนละทาง
“ขอโทษนะนี่ซัง…อุตส่าห์จะมาดูดาวแท้ๆ…”
จูชิมัตสึหันไปผงกหัวขอโทษกับอิจิมัตสึที่นั่งหลบฝนข้างๆอย่างรู้สึกผิด
“ไม่เป็นไรหรอก..มันไม่ใช่ความผิดของนายนี่นา..ที่ฝนจะตกลงมาน่ะ”
“แต่ว่า…”
จูชิมัตสึยังคงก้มหน้างุดอย่างรู้สึกผิด
ตอนนี้จูชิมัตสึกับอิจิมัตสึนั่งหลบฝนอยู่ที่ศาลาเล็กๆที่ตั้งอยู่บนจุดชมวิว
แต่เนื่องจากมันเป็นเพียงศาสานั่งพักเล็กๆบริเวณกันสาดจึงไม่สามารถกันฝนให้คนทั้งหกคนได้
อีกสี่คนที่เหลือเลยต้องไปหลบฝนที่อื่น
“จูชิมัตสึ…”
“อะไรเหรออิจิมัตสึนี่ซัง?”
“ที่นายบอกว่าจะเขียนคำอธิษฐานขอพรให้สมหวังในความรักน่ะ…นายอยากจะสมหวังในความรัก..กับใครน่ะ?”
เป็นการยิงคำถามจี้จุดแบบไม่ทันให้ตั้งตัว จูชิมัตสึถึงกับชะงักไปชั่วครู่ในขณะที่อิจิมัตสึเองก็ไม่คิดเหมือนกันว่าตัวเองจะพลั้งปากถามอะไรแบบนั้นออกไป
“อะ…เอ่อ..ถ้าไม่อยากบอกก็ไม่ต้อง..ก็ได้..”
“ไม่เป็นไรหรอก..ผมจะบอกแต่ต้องมีข้อแลกเปลี่ยนนะ..ผมอยากจะรู้จากปากของอิจิมัตสึนี่ซังโดยตรงล่ะ..นี่ซังน่ะ
เขียนอะไรลงไปในกระดาษขอพรเหรอ?”
“เรื่องนั้น….”
อิจิมัตสึอ้ำอึ้งพูดไม่ออกราวกับมีก้อนอะไรสักอย่างจุกติดอยู่ในลำคอ
“ว่าไงล่ะ?”
จูชิมัตสึเขยิบเข้าไปใกล้อิจิมัตสึมากขึ้นอีกราวกับจะคาดคั้น
อิจิมัตสึพยายามจะถอยหลังหลบสายตาอีกฝ่าย ตอนนี้หัวใจของอิจิมัตสึยิ่งเต้นแรงจนแทบจะทะลุออกมานอกอก
ยิ่งโดนจูชิมัตสึคาดคั้นขนาดนี้ยิ่งทำอะไรไม่ถูก
ทว่า..อยู่ๆอิจิมัตสึก็ขยับตัวแล้วประกบริมฝีปากของตนไปยังริมฝีปากของจูชิมัตสึ
และเมื่อผละริมฝีปากออกก็พูดกับจูชิมัตสึด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแล้ววิ่งออกมาทันที
“แค่นี้…ชัดเจอพอรึยังล่ะ?”
แย่ล่ะ…เผลอทำลงไปแล้ว…แบบนี้คงโดนเกลียดแน่ๆแล้วสิเรา
ร่างของอิจิมัตสึทรุดตัวลงแล้วหอบหายใจ
ทั้งใบหน้าและดวงตาร้อนแผ่วไปหมด ในสมองก็ว่างเปล่าคิดอะไรไม่ออก
มีเพียงแค่คำว่าคงโดนเกลียดแน่ๆแล้ววนเวียนไปมาเท่านั้น
“อิจิมัตสึนี่ซัง!!”
เสียงที่คุ้นเคยตะโกนไล่หลังมาจนอิจิมัตสึต้องหันกลับไปมอง
“ตามมา…ทำ…ไมกัน?”
“ผมต่างหากที่ต้องเป็นฝ่ายถามอิจิมัตสึนี่ซังน่ะ
ทำไมอยู่ๆถึงวิ่งออกมาแบบนั้น?”
“…..”
มีเพียงความเงียบมาแทนคำตอบ
จูชิมัตสึถอนหายใจเบาๆแล้วจับไหล่ของอิจิมัตสึ
“ผมบอกไปแล้วใช่ไหม…ว่าถ้านี่ซังยอมบอกผมว่าเขียนอะไรลงไปในกระดาษขอพร
ผมก็จะยอมบอกเหมือนกัน..”
ทันทีที่พูดจบจูชิมัตสึขยับใบหน้าไปใกล้ๆอิจิมัตสึและทาบทับริมฝีปากซ้ำลงไปอีกครั้งทันที
อิจิมัตสึเบิกตากว้างอย่างตกใจ ร่างกายแข็งทื่อทำอะไรไม่ถูก
ใบหน้าที่ร้อนแผ่วอยู่แล้วทวีความร้อนยิ่งขึ้นไปอีก
“คนที่ผมอยากจะสมหวังในความรักด้วยน่ะ…ก็อิจิมัตสึนี่ซังนั่นแหละ!!”
“ฉัน…?”
“ก็อิจิมัตสึนี่ซังน่ะ…ชอบทำท่าทางไม่สนใจผมเลยนี่นา
ช่วงนี้มีอะไรก็หลบหน้าตลอดจะทักอะไรไปก็ไม่ค่อยยอมพูดตอบ ผมน่ะ!!กังวลแทบตายเลยนะ!!”
สายฝนที่โปรยปรายลงมาเริ่มค่อยๆซาลง
“ระ เรื่องนั้นน่ะ..”
“ผมน่ะชอบอิจิมัตสึนี่ซัง..ไม่ได้ชอบในสถานะพี่ชายแต่เป็นคนรัก..ก็รู้อยู่หรอกว่ามันเป็นไปไม่ได้..แต่ว่า!!ถ้าจูบเมื่อกี้เป็นของจริงก็พูดออกมาจากปากของนี่ซังหน่อยสิ!ช่วยยืนยันให้ผมแน่ใจหน่อย!!”
ใบหน้าของอิจิมัตสึแดงซ่าน
ดวงตาสีดำของอิจิมัตสึหันไปสบสายตาของจูชิมัตสึแล้วเอ่ยคำบางคำออกมา
ถ้อยคำที่ซื่อตรงที่สุดที่อยากจะเอื้อนเอ่ยมานานแล้ว…
“ฉันเอง..ก็ชอบนาย ชอบ...ในแบบที่ไม่ใช่น้องชายด้วย…”
จูชิมัตสึยิ้มก่อนจะจับใบหน้าของอิจิมัตสึแล้วหอมแก้มอีกฝ่ายเบาๆ
เมฆสีหม่นเริ่มสลายตัว สายฝนที่ตกลงมาก็หยุดลงแล้ว
ร่างของฝาแฝดอีกสี่คนที่แอบมองคนทั้งคู่อยู่ห่างๆแล้วต่างทำหน้าเอือมก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ
ต่างคนต่างบ่นกันไปตามประสา
โทโดมัตสึแอบหยิบโทรศัพท์มือถือมาบันทึกภาพที่เกิดขึ้นอย่างใกล้ชิดติดขอบสนาม
“ให้ตายเถอะเจ้าพวกนี้…ทำอะไรไม่เกรงใจพวกนี่ซังกันบ้างเลยน้า”
“อ่า....ดีจังนะที่ใจตรงกัน
มายบราเธอร์”
“รู้กันทั้งบ้านมาตั้งนานแล้วว่าต่างฝ่ายต่างชอบกัน..คงมีแค่สองคนนั้นละมั้งที่เพิ่งมารู้ตัวว่าตัวเองใจตรงกันน่ะ”
“แหม วิวดีจริงๆนะครับ”
“เอาเถอะ…คืนนี้น่ะปล่อยๆให้พวกนั้นสวีตกันต่อหน่อยเถอะนะ”
ท่าทางคำอธิษฐานวันทานาบาตะ…จะเป็นจริงแล้วล่ะ
==ขอให้กล้าพูดความรู้สึกกับจูชิมัตสึ
:อิจิมัตสึ==
==ขอให้การสารภาพรักกับอิจิมัตสึนี่ซังผ่านไปได้ด้วยดี
:จูชิมัตสึ==
#กรี๊สสสสสสสสสส!! ในที่สุดก็สำเร็จค่ะ!!เป็นฟิคที่รับวัวตายความล้มที่สุดในชีวิตเพราะเพิ่งเริ่มเขียนวันนี้และลงกันสดๆเลย;-;
ไม่คิดไม่ฝันว่าจะปั่นฟิคได้เร็วป่านนี้เหมือนกัน
เดธไลน์ไม่เคยปราณีใคร ถถถถถถถ สำหรับฟิคนี้เป็นฟิคฉลองวันทานาบาตะค่ะ
แต่งคู่ตัวเลขเพราะคิดว่ามันเข้ากับเทศกาลสุดๆแล้ว
ชื่อฟิคนี่ตอนแรกกะจะใช้ทานาบาตะตรงๆเลยด้วยซ้ำแต่แลดูสิ้นคิดไป(ฮา) #ทั้งที่7/7ก็สิ้นคิดไม่แพ้กัน
ยังไงก็ติชมด้วยนะคะ=w=7 อ๊ะ?ใครเคะใครเมะเหรอแล้วแต่แพริ่งเลยค่ะ!!
ผลงานอื่นๆ ของ ไซยาไนท์ ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ไซยาไนท์
ความคิดเห็น